SKINCARE

Multi-Masking เทคนิคการมาส์กหน้าที่ครอบคลุมหลายๆ ปัญหาผิวในเวลาเดียวกัน

เทคนิคการมาส์กหน้าให้เกิดประสิทธิภาพ ช่วยฟื้นฟูผิวแบบครบทุกมิติ

“...แล้วมาส์กจะช่วยให้ทุกอย่างให้ดีขึ้นเอง” นี่คือคำกล่าวของสาวกสกินแคร์ที่เชื่อว่าคุณสมบัติของมาส์กนั้นมีมากกว่าแค่การบำรุงผิวเพราะความความผ่อนคลายที่สร้างความฟินระหว่างมาส์กสามารถเยียวยาวันที่แย่ๆ และช่วยคลายความเหนื่อยล้าออกจากใบหน้าและจิตใจของเราได้ ซึ่งส่วนใหญ่ผลลัพท์ที่ได้หลังจากการมาส์กก็คือผิวหน้าโดยรวมดูมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามจะดีกว่าไหมถ้าการมาส์กหน้าในแต่ครั้งสามารถช่วยฟื้นฟูปัญหาผิวได้อย่างตรงจุดยิ่งขึ้น โว้กบิวตี้ขอนำเสนอ Multi-Masking เทคนิคการใช้มาส์กหลากชนิดในเวลาเดียวกันเพื่อช่วยฟื้นฟูผิวตามแต่ละจุดของใบหน้า

 

Multi-Masking คืออะไร?

ในปัจจุบันมีมาส์กหลากหลายชนิดสำหรับฟื้นบำรุงแต่ละจุดของใบหน้า อย่างเช่นอายมาส์กและลิปมาส์ก ซึ่งแทนที่จะมาส์กแยกกัน การมาส์กแบบ Multi-Masking คือการนำมาส์กแต่ละชนิดมามาส์กรวมกันเพื่อช่วยฟื้นฟูแต่ละปัญหาผิวได้อย่างตรงจุดยิ่งขึ้น เช่นเลือกใช้มาส์กที่แตกต่างกันไปสำหรับบริเวณทีโซน แก้ม และรอบดวงตา 

 

เหมาะกับใครบ้าง?

Multi-Masking เป็นเทคนิคการมาส์กหน้าที่เหมาะกับทุกสภาพผิวและจะตอบโจทย์เป็นพิเศษสำหรับคนที่มีผิวผสมอย่างเช่นมีความมันวาวบริเวณทีโซนหรืออาจจะแห้งบริเวณหน้าผากแต่ผิวส่วนอื่นมันง่ายในระหว่างวัน โดยสำหรับคนที่มีผิวธรรมดาการมาส์กวิธีนี้จะช่วยบูสให้ผิวกลับมาดูมีชีวิตชีวา อย่างไรก็ตามสำหรับคนที่มีผิวบอบบางแพ้ง่ายควรเลือกใช้มาส์กที่อ่อนโยนต่อผิวเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการระคายเคืองผิว

 

Photo: @yesto_fr

 

ก่อน Multi-Masking ควรเตรียมผิวอย่างไรบ้าง?

  • สเต็ปที่ 1: ใช้เคลนเซอร์ล้างทำความสะอาดตามปกติ จากนั้นซับหน้าให้แห้ง
  • สเต็ปที่ 2: ต่อมาแนะนำให้ผลัดเซลล์ผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิวเพื่อช่วยเคลียร์เซลล์ผิวที่ตายแล้วออกจากพื้นผิวและเตรียมพร้อมสำหรับการฟื้นบำรุงจากส่วนผสมในมาส์ก เพื่อลดความเสี่ยงของอาการระคายเคืองผิว ควรเลือกใช้เป็นผลิตภัณฑ์ช่วยผลัดเซลล์ผิวในรูปแบบ Chemical Exfoliator อย่างเช่นใช้โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของ AHA หรือ BHA ช่วยผลัดเซลล์ผิว ชุบสำลีแล้วเช็ดให้ทั่วใบหน้าหลังการทำความสะอาด อย่างไรก็ตามหากมีผิวที่บอบบางแพ้ง่าย อาจจะข้ามขั้นตอนนี้แล้วเริ่มมาส์กเลยก็ได้เช่นกัน
  • สเต็ปที่ 3: อีกหนึ่งขั้นตอนที่จะช่วยเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับมาส์กคือการสตรีมผิวด้วยไอความร้อน สามารถทำได้ด้วยการนำผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นมาคลุมไว้บนผิวเพื่อช่วยเปิดรูขุมขนให้พร้อมรับการบำรุง

 

ทีโซน จมูก และคาง 

ทีโซน จมูก และคาง เป็น 3 จุดบนใบหน้าที่มันได้ง่ายกว่าผิวส่วนอื่น โดยมาส์กที่เหมาะกับผิวทั้ง 3 จุดนี้คือสูตรที่ช่วยดีท็อกซ์หรือปรับสมดุลให้แก่ผิวอย่างมาส์กโคลนหรือชาโคล 

1 / 3

2 / 3

3 / 3



WATCH



พวงแก้มและรอบดวงตา

สำหรับผิวบริเวณนี้แนะนำให้เลือกใช้มาส์กสูตรช่วยเติมความชุ่มชื่นและคืนความกระจ่างใส เนื่องจากแก้มหรือใต้ตามักจะเป็นบริเวณที่ดูแห้งและดูไร้ชีวิตชีวาได้มากกว่าส่วนอื่น โดยอาจเกิดจากอาการผิวขาดน้ำหรือโดนแสงแดดทำร้าย

1 / 3

2 / 3

3 / 3

ริมฝีปากและรอบดวงตา 

เพิ่มประสิทธิภาพในการมาส์กหน้าด้วยการแปะลิปมาส์กและอายมาส์ก ซึ่งมาส์กรูปแบบนี้มักจะอัดแน่นไปด้วยส่วนผสมของ Active Ingredient ที่จะช่วยฟื้นฟูได้อย่างล้ำลึกมากขึ้น 

1 / 2

2 / 2

หลังจากลงมาส์กบนผิวเรียบร้อยแล้ว ทิ้งไว้ตามเวลาของมาส์กที่เราเลือกใช้ระบุไว้ ซึ่งส่วนมากจะอยู่ที่ประมาณ 15-20 นาที จากนั้นล้างออกแล้วตามด้วยสกินแคร์ในขั้นตอนต่อไป

WATCH

คีย์เวิร์ด: multi-masking