BODY
ทำความรู้จักรอยแตกลายแต่ละประเภท พร้อมวิธีแก้ผิวแตกลายให้กลับมาเรียบเนียนรอยแตกลายแดง VS รอยแตกลายขาว ต่างกันอย่างไร? และวิธีดูแลรอยแตกลายให้กลับมาเรียบเนียนเหมือนเดิม |
‘รอยแตกลาย’ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็น วัยรุ่นที่มีการเติบโตรวดเร็ว หญิงตั้งครรภ์ ไปจนถึงผู้ที่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างรวดเร็ว โดยรอยแตกลายนั้นจะเกิดขึ้นที่ผิวหนังชั้นกลาง และมักจะเกิดในบริเวณที่มีไขมันสะสมอยู่มาก เช่น หน้าท้อง ต้นขา สะโพก และหน้าอก เป็นต้น
เชื่อว่ารอยแตกลายสร้างความไม่มั่นใจให้กับใครหลายคน วันนี้เราเลยจะพาทุกคนไปทำความรู้จักรอยแตกลายแต่ละประเภท พร้อมเคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยให้รอยแตกลายดูจางลง เพื่อให้ทุกคนได้กลับมาโชว์ผิวสวยเรียบเนียนกันอีกครั้ง
รอยแตกลายแดง (Striae Rubra)
คือ รอยแตกลายใหม่ เกิดจากการยืดตัวของร่างกายที่รวดเร็วเกินไป รอยแตกลายแดงจะมีหลอดเลือดอยู่ใต้ผิวหนัง ทำให้มีสีแดงหรือสีม่วง (ขึ้นอยู่กับสภาพผิว) โดยรอยแตกลายแดงนั้นจะตอบสนองต่อการรักษาได้ง่ายกว่ารอยแตกลายขาว
รอยแตกลายขาว (Striae Alba)
คือ รอยแตกลายเก่า เป็นรอยที่เกิดมานานและหลอดเลือดก็จะค่อยๆ จางหายไปจนกลายเป็นสีขาว ซึ่งรอยแตกลายแบบนี้จะรักษาให้เลือนหายไปจากผิวได้ยากกว่ารอยแตกลายแดง
วิธีรักษารอยแตกลาย
WATCH
1. สูตรบำรุงผิวจากวัตถุดิบธรรมชาติ
- สูตรน้ำมันงา ขึ้นชื่อเรื่องการบำรุงผิวที่แห้งกร้านให้กลับมาชุ่มชื่น โดยสูตรนี้ทำได้ง่ายๆ ด้วยการนำน้ำมันงามาทาบริเวณรอยแตกลาย ทิ้งไว้ 20 นาที แล้วล้างออก ทำแบบนี้เป็นประจำก็จะช่วยให้รอยแตกลายดูจางลง
- สูตรว่านหางจระเข้ พืชสารพัดประโยชน์ที่นอกจากจะช่วยเรื่องผิวไหม้แล้ว ยังช่วยลดรอยแตกลายได้เหมือนกัน โดยสูตรนี้ให้ใช้วุ้นว่านหางจระเข้สดสีขาวมาทาบริเวณรอยแตก ทิ้งไว้ 20-30 นาที ทำเช่นนี้เป็นประจำเช้าเย็น ผิวแตกลายจะค่อยๆ จางลงอย่างเป็นธรรมชาติ
2. สครับผิว
การสครับผิวเป็นการขจัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วออก เพื่อให้เซลล์สร้างผิวหนังขึ้นมาใหม่ จึงสามารถช่วยลดรอยแตกลายให้จางลงได้ โดยสูตรสครับควรเลือกวัตถุดิบที่มีกรด AHA / BHA ซึ่งมีฤทธิ์ในการขจัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้ว ไม่ว่าจะเป็น สูตรมะขามและขมิ้น หรือ มะนาวและดินสอพอง
3. ทาครีม
เลือกใช้ครีมบำรุงหรือออยล์ที่มี Tretinoin ส่วนผสมของ Retinoids หรือ Vitamin A ที่มีคุณสมบัติในการลดเลือนรอยแตกลาย นอกจากนี้หากเลือกเป็นชนิดครีม แนะนำให้เลือกเนื้อที่มีความเข้มข้น เพื่อให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื่นได้ยาวนาน เพราะเมื่อผิวชุ่มชื้นก็จะมีความยืดหยุ่น ช่วยให้ผิวเกาะกันได้ดีและเต่งตึง
1 / 2
2 / 2
4. รักษาด้วยการเลเซอร์
การเลเซอร์มี 2 วิธี ซึ่งเป็นการแก้ปัญหารอยแตกลายที่ต่างกัน คือ 1) V-Beam Laser เป็นเลเซอร์ที่เหมาะกับรอยแตกลายแดง สามารถช่วยกำจัดเส้นเลือดแดง ทำให้รอยจางลงได้ 2) Fraxel Laser สำหรับรอยแตกลายที่เกิดมานานแล้วหรือรอยแตกลายขาว วิธีนี้จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ซึ่งการเลเซอร์ทั้ง 2 ประเภทนี้ ควรทำติดต่อกันประมาณ 3-5 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกันประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งการรักษาสามารถช่วยให้รอยแตกลายจางลงได้ถึง 40-60%
สำหรับใครที่กำลังประสบปัญหาผิวมีรอยแตกลาย อย่างไรแล้วเราก็อยากให้ทุกคนลองที่จะรักษาด้วยวิธีที่ตัวเองสามารถทำได้กันดูก่อน อย่างการทาครีมหรือสครับผิว แต่ถ้ารอยแตกลายดูไม่จางลงไปเลยจริงๆ การใช้วิธีเลเซอร์ก็เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยได้นะคะ
ข้อมูล : ชลดา คร่ำมา
แปลและเรียบเรียง : วราภรณ์ หงส์วรางกูร
ข้อมูล : Canva
WATCH