การทำสีผมในแต่ละครั้งหากต้องการสีที่มีความหม่นหรือสีโทนอ่อน การกัดผมหรือการฟอกผม เป็นสิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับผมของชาวเอเชีย เนื่องจากมีเม็ดสีผมที่เข้ม ดังนั้นการฟอกผมจึงจะช่วยเข้าไปทำปฏิกิริยาให้เม็ดสีนั้นอ่อนลง เพื่อให้พร้อมในการทำสีผมต่อไป แต่การฟอกผมแต่ละครั้งก็ถือเป็นการทำร้ายผมที่ค่อนข้างจะรุนแรง ยิ่งถ้าหากฟอกผมเองแบบไม่มีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล อาจทำให้ผมสวยๆ กลายเป็นผมพังได้ และนี่คือ 5 ข้อที่คุณควรรู้ก่อนฟอกผมเองเพื่อให้ผมยังแข็งแรงและดูสุขภาพดี

 

 

2. ประเภทที่ฟอกผม

• ผงฟอกผสมเอง

     ที่ฟอกผมชนิดผงที่ต้องนำมาผสมเองต้องมีสารละลายไฮโดรเจนเปอร์ที่เตรียมไว้เพื่อผสมในการฟอกผม โดยจะมีความเข้มข้นตั้งแต่ 3%,6%,9% และ 12% ซึ่งเปอร์เซ็นต์ของความเข้มข้นหากยิ่งสูงจะยิ่งช่วยให้ผมที่กัดนั้นสว่างมากขึ้นแต่ก็จะยิ่งทำให้ผมเสียได้ง่ายเช่นกัน

• น้ำยาหรือโฟมฟอกผม

     น้ำยาหรือโฟมฟอกผมส่วนใหญ่จะมาในรูปแบบครีมที่สำเร็จรูปพร้อมนำไปฟอกได้ทันที โดยบางยี่ห้อจะไม่มีระดับให้เลือกความเข้มข้นของสารละลายไฮโดรเจนเปอร์ แต่จะมีบอกระดับผลลัพธ์ที่ได้หลังการฟอก เช่น ผมสว่างขึ้น 3 ระดับ หรือ 8 ระดับ โดยที่ฟอกชนิดนี้ส่วนใหญ่จะมีความอ่อนโยนและสะดวกมากกว่าซึ่งก็จะแลกมากับราคาที่สูงขึ้นเช่นกัน

 

 

4. ทดสอบอาการแพ้ก่อน

     การทดสอบว่ามีอาการแพ้น้ำยาฟอกหรือไม่ เป็นวิธีที่จะช่วยให้สามารถหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่จะทำให้หนังศีรษะระคายเคือง รวมถึงทำให้ผมเสียยิ่งขึ้น วิธีทดสอบคือให้นำน้ำยาฟอกผมมาป้ายไว้บริเวณท้องแขนทิ้งไว้ 30-45 นาทีเพื่อดูผลว่าแพ้หรือไม่ หากแพ้แนะนำให้เปลี่ยนยี่ห้อหรือหากไม่แพ้ให้ลองลงบริเวณเล็กๆ บนหนังศีรษะก่อนเพื่อดูว่าหนังศีรษะและเส้นผมรับได้หรือไม่

 

6. ใช้แชมพูม่วงเพื่อปรับสีผมให้สว่างและไม่ติดสีส้ม

     การใช้แชมพูม่วงหลังการฟอกผมจะช่วยรักษาสีผมโทนอ่อนให้อยู่ได้นานขึ้น พร้อมทั้งช่วยลดการเกิดเม็ดผมสีส้มที่ทำให้สีผมไม่สวยและดูสุขภาพไม่ดี

 

     ทั้งนี้การฟอกผม เป็นวิธีที่จะช่วยให้ผมสว่างและย้อมง่ายขึ้นแต่ก็ทำให้ผมเสียได้ง่ายเช่นกัน ดังนั้นแนะนำว่าหลังการฟอกควรบำรุงผมและงดการทำเคมีต่อผมเพิ่มเพื่อไม่ให้ผมยิ่งเสียชี้ฟูและลดโอกาสในการเกิดผมช็อต