
CELEBRITY
การปรากฏตัวของ Kris Jenner เป็นกระแสอีกครั้งโดยสาเหตุคือ ‘Face Lift’ศัลยกรรมและหัตถการก็เปรียบดั่งเพื่อนคู่ใจของครอบครัวนี้ แต่รอบนี้ตกต่างจากที่ผ่านมาเพราะมันช่างดูธรรมชาติและถูกยอมรับเป้นเสียงเดียวกันว่าสวยแบบกำลังดี |
สูงวัยไม่ใช่ปัญหาแล้วจริงๆ …
เหล่าคนดังเจเนอเรชั่น X และ Baby Boomer ต่างปรากฏตัวพร้อมกับลุคใหม่ที่ลดวัยจนน่าทึ่ง ซึ่งคนที่รับไม้ต่อจาก Lindsay Lohan คือ Kris Jenner ในวัย 69 ปีที่กลับมาดูเต่งตึงจนใบหน้าคล้ายกับคิม คาร์เดเชียนสะเหลือเกิน แม้ว่าตัวของคริสเองจะยังไม่ออกมาเผยว่าเธอผ่านการทำ ‘Face Lift’ มาหรือไม่ แต่ชาวเน็ตฝีมือดีก็ขุดค้นจบพบข้อมูล (อย่างไม่เป็นทางการ) ว่าผู้อยู่เบื้องหลังใบหน้ายกกระชับของเธอคือแพทย์ศัลยกรรมขาประจำของตระกูล Kardashian-Jenner
‘ศัลยกรรม’ เรื่องใกล้ตัวของครอบครัวนี้
ยอมรับว่าครอบครัวคาร์เดเชียนและเจนเนอร์คลุกคลีอยู่กับเรื่องศัลยกรรมและหัตถการจนเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนต้องทึ่งในครั้งนี้เป็นเพราะที่ผ่านมาความงามของครอบครัวนี้ดูเกินธรรมชาติไปเสียหน่อยจนกระทั่งใบหน้าล่าสุดของคริสเป็นสิ่งยืนยันอย่างแรกว่าเทรนด์ความงามของบ้านนี้เปลี่ยนไปแล้ว ยิ่งกว่านั้นฝีมือของแพทย์ยุคนี้ก็พัฒนาไปมากเช่นกัน
จากการรายงานของ Business Insider แพทย์ผู้นี้คือ Dr. Steven Levine แพทย์ศัลยกรรมจากนิวยอร์ก โดยฝีมือของเขาทำให้ผู้คนทั่วโลกต่างต้องการตัว ถึงขั้นที่ว่ามูลค่าการรักษาจากฝีมือของเขาเริ่มต้นที่สี่หมื่นห้าพันดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณหนึ่งล้านสี่แสนบาทเลยทีเดียว
WATCH
Deep Plan Face Lift
แม้จะยังไม่มีการยืนยันว่าหัตถการหรือศัลยกรรมที่เธอทำคืออะไร แต่ก็ถูกคาดเดาว่าเป็นการทำ ‘Deep Plane Face Lift’ ซึ่งก็คือการยกระชับใบหน้าในชั้นผิวที่เรียกว่า SMAS วิธีนี้จะทำให้ความยกกระชับอยู่ได้ยาวนานกว่าการทำเลเซอร์หรือหัตถการทั่วไป
ความแตกต่างของ Deep Plane Face Lift คือการยกกระชับถึงผิวชั้นในหรือชั้นผิวที่เรียกว่า SMAS ที่เชื่อมต่อระหว่างชั้นผิวกับชั้นกล้ามเนื้อ ซึ่งแตกต่างจากวิธีการอื่นๆ ที่มักจะยกกระชับเพียงแค่ชั้นผิวหนังเพียงอย่างเดียว แม้ว่าผลลัพธ์จะมีประสิทธิภาพกว่าแต่ระยะเวลาพักฟื้นก็ไม่แตกต่างจากวิธีการอื่นๆ แต่ข้อสังเกตของวิธีการนี้อยู่ที่ความสามารถของแพทย์ เพราะจุดที่สำคัญที่สุดคือการยกกระชับใบหน้าทั้งสองข้างให้เท่ากัน ดังนั้นการประเมินก่อนทำและเทคนิคเฉพาะตัวของแพทย์จึงเป็นสิ่งที่ทำให้วิธีการนี้มีค่าใช้จ่ายสูงกว่า
WATCH