BODY

วิธีแก้ 'เล็บขบ' ปัญหาที่ไม่มีใครอยากเจอ

เจาะลึกอาการ ‘เล็บขบ’ มีวิธีแก้และป้องกันอย่างไรไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ

     เชื่อว่าหลายคนต้องเคยประสบปัญหา “เล็บขบ” (Ingrown Toenails) ซึ่งเป็นภาวะที่เล็บงอกเข้าไปในผิวหนังบริเวณข้างเล็บ ทำให้เกิดอาการเจ็บและบวมแดง ซึ่งอาการนี้พบได้บ่อยโดยเฉพาะนิ้วหัวแม่เท้า ทว่าก็สามารถเกิดขึ้นได้กับเล็บอื่นๆ หรือเล็บมือด้วยเช่นกัน ซึ่งเล็บขบเป็นอาการที่สร้างความรำคาญใจได้ไม่น้อย ถ้าหากปล่อยทิ้งไว้ไม่ยอมรักษาหรือดูแลผิดวิธี อาจทำให้เป็นแผลมีเลือดออกและถึงขั้นติดเชื้อได้ ดังนั้นสำหรับใครที่พบกับปัญหาเล็บขบอยู่ก็มารู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับเล็บขบตั้งแต่สาเหตุ วิธีแก้ และการป้องกันที่โว้กบิวตี้นำมาฝากกันในบทความนี้

 

 

สาเหตุของการเกิดเล็บขบ

     เล็บขบอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่ การตัดเล็บสั้นเกินไปหรือตัดเล็บไม่ตรง ซึ่งจะทำให้เล็บงอกและทิ่มเข้าไปในผิวหนังได้ รวมถึงการสวมรองเท้าที่คับหรือไม่พอดีซึ่งจะไปบีบรัดเล็บ ทำให้เล็บงอกผิดรูปและขบเข้าไปในผิวหนังในที่สุด ไปจนถึงเล็บที่มีรูปร่างผิดปกติ เช่น เล็บโค้งหรือเล็บหนาที่มีแนวโน้มที่จะขบเข้าไปในผิวหนังได้ง่ายกว่า นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น กรรมพันธุ์ และการบาดเจ็บที่เล็บ เช่น การกระแทกหรือการถูกของมีคมบาด อาจทำให้เล็บงอกผิดรูปและขบเข้าไปในผิวหนังได้เช่นกัน

 

 

อาการของเล็บขบ

     อาการของเล็บขบนั้นแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความรุนแรง โดยทั่วไปแล้วอาการของเล็บขบที่พบส่วนใหญ่คือรู้สึกเจ็บปวดบริเวณข้างเล็บ โดยเฉพาะเมื่อมีการกดทับหรือเวลาสวมรองเท้า รวมถึงมีอาการบวมและแดงบริเวณข้างเล็บร่วมด้วย และถ้าเล็บงอกเข้าไปในผิวหนังเยอะอาจไปทิ่มเนื้อจนเป็นแผล หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสมก็อาจเป็นหนองหรือแย่ที่สุดก็อาจติดเชื้อได้ ซึ่งการติดเชื้ออาจรุนแรงขึ้นโดยเฉพาะกับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน 

 



WATCH



 

วิธีการรักษาเล็บขบด้วยตัวเอง

     การจะรักษาเล็บขบอย่างไรขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรงที่เกิดขึ้น ตั้งแต่แช่เท้าในน้ำอุ่นเพื่อลดอาการปวดและบวม จากนั้นตัดเล็บให้สั้นและตรง โดยตัดเล็บให้ตรงตามแนวเส้นขอบเล็บ ไม่ตัดโค้งหรือสั้นเกินไป ลองทำการรักษาที่บ้านสัก 2-3 วันหรือเต็มที่ 2-3 สัปดาห์ หากอาการปวดแย่ลงหรือพบว่าเล็บขบเป็นอุปสรรคต่อการเดินหรือทำกิจกรรมอื่นๆ ก็ควรไปพบแพทย์จะดีที่สุด

 

 

ถ้าตัดเล็บขบลึกเกินไปจะต้องทำอย่างไร?

     หากตัดเล็บขบลึกเกินไปอาจทำให้เกิดอาการปวด เลือดออก และทำให้เล็บขบยิ่งแย่ลงได้ ทางที่ดีหากตัดเล็บขบลึกมาเกินไป ควรหยุดตัดทันที และทำความสะอาดแผลด้วยน้ำเกลือ และปิดแผลด้วยผ้าพันแผล โดยสามารถประคบเย็นบริเวณแผลเพื่อลดอาการปวดและบวมได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่มีหนองไหลออกจากแผลควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษา

 

 

การถอดเล็บเพื่อรักษาปัญหาเล็บขบ

     อาการของเล็บขบมีความรุนแรงอาจจำเป็นต้องให้แพทย์ถอดเล็บออกเพื่อรักษา โดยการถอดเล็บเป็นการผ่าตัดเล็ก ซึ่งจะมีการฉีดยาชาที่บริเวณเล็บขบ จากนั้นจะตัดเล็บที่ขบออกครึ่งหนึ่ง หรือถอดเล็บออกทั้งหมด และอาจมีการตัดแต่งผิวหนังบริเวณข้างเล็บด้วย โดยทั่วไปแล้วแผลจะหายดีภายใน 2-3 สัปดาห์ หลังจากแผลหายดีแล้วเล็บจะค่อยๆ งอกกลับมาใหม่ โดยอาจใช้เวลาหลายเดือนกว่าเล็บจะงอกกลับมาเต็มที่

 

 

 

การป้องกันการเกิดเล็บขบ

คงจะดีกว่าถ้าไม่ต้องพบกับปัญหาเล็บขบ ซึ่งก็สามารถป้องกันได้เพียงดูแลเล็บด้วยวิธีดังต่อไปนี้ 

  1. ตัดเล็บให้ถูกวิธี: ตัดเล็บให้ตรง ไม่โค้งมน และไม่สั้นเกินไป และตรวจดูให้แน่ใจว่าขอบไม่โค้งงอ
  2. สวมรองเท้าที่พอดี: เลือกรองเท้าที่ไม่คับหรือปลายแหลมจนเกินไป ถ้าเป็นไปได้ควรสวมถุงเท้าด้วย
  3. รักษาความสะอาดเล็บ: รักษาเท้าให้สะอาดและตัดเล็บเป็นประจำ
  4. รักษาเล็บเท้าที่ผิดรูป: หากเล็บเท้าโค้งงอหรือหนาผิดปกติ อาจจำเป็นต้องได้รับรักษาโดยแพทย์

 

     โดยปกติแล้วเล็บขบสามารถรักษาและหายได้เองเมื่อเล็บยาวขึ้น แต่ถ้าเมื่อไหร่ปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้เกิดอาการปวดอย่างรุนแรงและการติดเชื้อที่อาจแพร่กระจายไปยังชั้นผิวหนังชั้นลึกได้ นอกจากนี้เล็บขบยังมีข้อควรควรระวังโดยเฉพาะกับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน เพราะเล็บขบอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ 

 

WATCH