BODY

รวบเทคนิคแก้ปัญหาส้นเท้าแตก คืนความชุ่มชื้นให้ผิวเนียนนุ่มอีกครั้ง

บอกลาปัญหาส้นเท้าแห้งแตกด้วยวิธีการดูแลผิวส้นเท้าให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ

     ‘ส้นเท้าแตก’ อาจเกิดขึ้นได้จากระบบภายในร่างกายและพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน หลายคนอาจมองข้ามและละเลยในการดูแลส้นเท้า แต่รู้หรือไม่ว่าถ้าหากเราปล่อยให้รอยแตกของส้นเท้าลึกเข้าไปจนถึงผิวหนังชั้นใน อาจมีความเสี่ยงในการติดเชื้อได้ง่ายจนกลายเป็นปัญหาที่กระทบถึงการใช้ชีวิตประจำวันได้ ดังนั้นควรหมั่นดูแลส้นเท้าให้ชุ่มชื้นและเรียบเนียนอยู่เสมอ โว้กบิวตี้รวม 6 เทคนิคการดูแลส้นเท้าที่จะช่วยให้ส้นเท้าเรียนเนียนและมีความชุ่มชื้นกว่าเดิม   

 

เติมความชุ่มชื้นอยู่เสมอ

     ไม่ว่าจะเป็นผิวหน้าหรือผิวกาย สิ่งที่ควรทำอย่างแรกเมื่อเกิดปัญหาขาดความชุ่มชื้นคือการเติมความชุ่มชื้นด้วยครีมบำรุงผิวหรือสกินแคร์ต่างๆ โดยเฉพาะส้นเท้าที่เป็นส่วนของผิวกายที่ค่อนข้างแข็งและหนา ทำให้ใครหลายคนมองข้ามในเรื่องของการบำรุงในส่วนนี้ไป สำหรับใครที่มีปัญหาส้นเท้าแตกมากๆ แนะนำให้เลือกใช้ครีมบำรุงส้นเท้าโดยตรง หรือเลือกใช้บอดี้มอยส์เจอไรเซอร์ได้สำหรับคนที่อยากบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นอยู่เป็นประจำ เมื่อผิวได้รับความชุ่มชื้นแล้วจึงลดการเกิดปัญหาส้นเท้าแห้งแตกได้

 

 

ผลัดเซลล์ผิวเป็นประจำ

     การผลัดเซลล์ผิวเป็นการขจัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วออกไป และเผยผิวใหม่ที่เรียบเนียนกว่าเดิม วิธีง่ายๆ ที่สามารถทำได้เป็นประจำในขณะอาบน้ำคือผสมน้ำอุ่นใส่กะละมัง แล้วแช่เท้าในน้ำอุ่นทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จากนั้นใช้หินสำหรับขัดเท้า นำมาขัดถูเบาๆ บริเวณรอยแตก เพื่อช่วยขจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วให้หลุดออกไป เมื่อเสร็จแล้วก็ให้ล้างเท้าให้สะอาด เช็ดเท้าให้แห้ง แล้วทาด้วยครีมบำรุงบริเวณส้นเท้าแตก เท่านี้ก็จะทำให้ผิวหนังบริเวณส้นเท้าเนียนนุ่มมากขึ้น

 

เลี่ยงการอาบน้ำอุ่น

     การอาบน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนเป็นประจำ เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผิวแห้งได้ เพราะอุณหภูมิที่ร้อนจนเกินไปจะทำให้น้ำมันธรรมชาติของผิวหนังถูกชำระล้างออกไปด้วยและส่งผลให้เซลล์ผิวชั้นหนังกำพร้าขาดความชุ่มชื้น จึงทำให้รู้สึกตึงผิวและไม่สบายตัวหลังอาบน้ำอุ่นได้ นอกจากผิวหน้าแล้วก็สามารถเกิดได้กับผิวกายอย่างส้นเท้าได้เช่นกัน ฉะนั้นควรอาบน้ำด้วยอุณหภูมิปกติหรือน้ำเย็น ควบคู่กับการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อสัมผัสแบบเจลหรือออยล์ในการอาบน้ำ เป็นต้น

 

 

ดื่มน้ำสะอาดในเพียงพอ

     การดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ไม่น้อย เพราะถ้าหากร่างกายของเรามีน้ำน้อยเกินไป สามารถส่งกระทบต่อระบบภายในต่างๆ และยังส่งผลต่อสภาพผิวที่แห้งแตกบริเวณส้นเท้าด้วย ดังนั้นการดื่มน้ำเปล่าให้มากๆ ก็สามารถช่วยปัญหาส้นเท้าแตกได้เช่นกัน

 

ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต

     สำหรับใครที่ต้องทำงานที่ต้องยืนเป็นเวลานานๆ โดยใช้ส้นเท้าลงน้ำหนัก อาจทำให้ส้นเท้าแตกได้ ต้องลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เท้า โดยเคลื่อนไหวให้เยอะขึ้น พยายามหลีกเลี่ยงการยืนอยู่กับที่เป็นเวลานาน นอกจากนี้หากใครมีปัญหาส้นเท้าแตกอย่างหนัก จนไม่สามารถแก้ไขด้วยตัวเองได้ ควรปรึกษาแพทย์ด้านผิวหนังเฉพาะทาง เพื่อรับการแก้ไขด้วยวิธีการทางแพทย์ที่ตรงจุด

 

เลือกสวมใส่รองเท้าอย่างถูกต้อง

     ไม่สวมรองเท้าที่มีพื้นรองเท้าแข็งจนเกินไป หรือควรใช้แผ่นรองส้นเท้าที่มีความนุ่ม เพื่อลดแรงกดดันและการเสียดสี หากสวมใส่รองเท้าผ้าใบ ควรสวมถุงเท้าก่อนสวมรองเท้าผ้าใบ นอกจากนี้ไม่ควรสวมรองเท้าที่คับจนเกินไป เพราะการสวมรองเท้าคับมากเกินไปอาจทำให้เกิดการเสียดสีบ่อยจนเกิดผิวหนังที่หนาขึ้น จนกลายเป็นผิวด้านและขาดความชุ่มชื้นในเวลาต่อมาได้

 



WATCH



WATCH