ภาพ: @phiphibb

การดูแลหลังสักใหม่

     การดูแลรอยสักหลังสักใหม่อย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพื่อให้รอยสักหายเร็วและไม่ถูกทำร้ายจนอาจทำให้สีซีดจาง

• การทำความสะอาด: ควรล้างรอยสักด้วยสบู่ที่อ่อนโยน ไม่ควรใช้สบู่ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือน้ำหอม เพราะอาจทำให้รอยสักระคายเคืองและติดเชื้อได้ และใช้ผ้าขนหนูสะอาดซับเบาๆ อย่าถูหรือขัดรอยสัก 
• การทาครีมบำรุงผิว: ควรทาครีมบำรุงผิวที่ไม่มีน้ำหอมและไม่ก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขนบนรอยสักวันละ 2-3 ครั้ง ซึ่งครีมบำรุงผิวจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและป้องกันการติดเชื้อ 

Editor’s Tips: ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของปิโตรเลียม เพราะอาจทำให้รอยสักอุดตันและติดเชื้อได้

• หลีกเลี่ยงแสงแดด: แสงแดดสามารถทำให้รอยสักซีดจางได้ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดโดยตรงในช่วง 2-3 สัปดาห์แรกหลังจากสัก แต่ถ้าหากจำเป็นต้องออกแดด ให้สวมเสื้อผ้าที่ปกปิดรอยสักหรือทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป

• หลีกเลี่ยงการแช่น้ำ: ไม่ควรแช่น้ำในอ่างอาบน้ำหรือสระว่ายน้ำเป็นเวลานานๆ เพราะอาจทำให้รอยสักเปียกและติดเชื้อได้ 

• ไม่ควรแคะแกะเกา: การแกะเกาอาจทำให้สีหมึกลอกออกและทำให้รอยสักดูจางลงได้ รวมถึงการแกะเกาอาจทำให้บริเวณรอยสักเกิดอาการคันและระคายเคือง ซึ่งจะยิ่งกระตุ้นให้เกิดการแกะเกาซ้ำๆ

ภาพ: @meljoyhysteric

การดูแลรอยสักในระยะยาว

     รอยสักจะคงอยู่ไปอีกยาวนาน แต่หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม สีสันของรอยสักอาจซีดจางและลวดลายเลือนไปไม่ชัดเจน เพราะฉะนั้นเพื่อเป็นการดูแลรอยสักในระยะยาว แนะนำให้ดูแลรอยสักตามวิธีต่อไปนี้

• ทาครีมกันแดด: แสงแดดเป็นศัตรูตัวฉกาจของรอยสัก เพราะรังสียูวีสามารถทำลายเม็ดสีได้ ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 หรือสูงกว่าทุกครั้งที่ออกแดด เพื่อปกป้องรอยสักจากการซีดจาง
• หลีกเลี่ยงการขัดถูแรงๆ: แม้ว่ารอยสักที่สักมานานแล้ว แต่การขัดถูรอยสักซ้ำๆ แรงๆ อาจทำให้เม็ดสีที่อยู่ใต้ผิวหนังหลุดลอกออกจนทำให้ผิวบริเวณที่สักเกิดความเสียหายและสีซีดจางลงได้ 

Editor’s Tips: หากจำเป็นต้องขัดผิวบริเวณรอยสัก ให้ใช้ผ้าขนหนูหรือฟองน้ำนุ่มๆ ขัดเบาๆ

• บำรุงผิวเป็นประจำ: การทาครีมหรือโลชั่นบนรอยสักเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมันจะไปเพิ่มความชุ่มชื้น ป้องกันไม่ให้ผิวแห้งและแตกซึ่งอาจทำให้สีของรอยสักซีดจางลงได้ 
• ดื่มน้ำในปริมาณมาก: ผิวหนังที่ชุ่มชื้นจะช่วยให้เม็ดสีในรอยสักคงอยู่ได้ดีขึ้น เมื่อผิวหนังขาดน้ำ เม็ดสีจะจางลงและทำให้รอยสักดูซีดจางได้ นอกจากนี้การดื่มน้ำเยอะๆ ยังช่วยให้ผิวหนังแข็งแรงและยืดหยุ่น ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้รอยสักผิดรูปเมื่อน้ำหนักตัวเปลี่ยนแปลงหรือเมื่อผิวหนังหย่อนคล้อยตามอายุ

     เพื่อให้รอยสักมีสีที่สดสวยยาวนาน จำเป็นจะต้องอดทนและดูแลรอยสักอย่างเหมาะสม แต่ถ้าหากรอยสักซีดจางตามกาลเวลา อาจใช้วิธีสักซ่อมเพื่อคืนความสดใสให้กับรอยสักได้เช่นกัน