อาการแพ้ลิปสติกที่พบได้

การแพ้ลิปสติกแบ่งเป็นอาการที่พบได้แบบภายนอกและภายในเพื่อให้ง่ายต่อการสังเกต ดังนี้

อาการแพ้ภายนอก คือ อาการแพ้ลิปสติกที่พบได้ทั่วไป สังเกตได้ง่าย อาจเป็นการระคายเคืองเพียงเล็กน้อยไปจนถึงอาการรุนแรง เกิดจากการที่เนื้อลิปสติกสัมผัสกับริมฝีปากหรือบริเวณผิวหนังของเราโดยตรง ลักษณะอาการคือ

• ริมฝีปากบวมแดง
• คันริมฝีปากและบริเวณใกล้เคียง
• มีผื่นขึ้น ในเคสที่แพ้รุนแรงอาจเป็นตุ่มพอง
• แสบร้อน อักเสบที่ริมฝีปาก
• ปากแห้ง / ปากลอก / ปากคล้ำ
• ระคายเคืองในช่องปาก

อาการแพ้ภายใน คือ อาการที่อาจเกิดได้จากการสูดดมกลิ่นของผลิตภัณฑ์ การสัมผัสกับเนื้อผลิตภัณฑ์ หรือแม้แต่การดื่มน้ำ รับประทานอาหารระหว่างวันก็อาจทำให้มีสารปนเปื้อนจากลิปสติกติดเข้าสู่ร่างกายและทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ในที่สุด ลักษณะอาการที่พบได้คือ

• เวียนหัว
• ท้องเสีย คลื่นไส้
• ระคายเคืองคอ
• หายใจไม่สะดวก

การดูแลรักษาเมื่อเกิดอาการแพ้ลิปสติก

สิ่งแรกที่ควรทำ คือ หยุดใช้ผลิตภัณฑ์นั้นทันทีหากพบว่ามีอาการไม่พึงประสงค์เพียงเล็กน้อย หมั่นสังเกตว่าเราแพ้ส่วนผสมตัวไหนเพื่อหลีกเลี่ยง ใช้การประคบเย็นเข้าช่วยเพื่อลดอาการบวม คัน และอักเสบ เมื่อมีอาการปากแห้งลอกก็ไม่ควรแกะหรือเลียริมฝีปากเพราะจะทำให้เกิดการติดเชื้อและอักเสบได้ง่ายขึ้น และสุดท้ายเราขอแนะนำว่าเมื่อเกิดอาการไม่พึงประสงค์ควรไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ กินยาและทายาตามแพทย์สั่งจะดีที่สุด

วิธีบำรุงริมฝีปากให้กลับมาสุขภาพดี

• ดูแลจากภายใน วิธีคืนชีพริมฝีปากให้กลับมาเนียนนุ่มชุ่มชื้นอีกครั้งควรเริ่มดูแลจากภายในก่อนเลย เช่น ดื่มน้ำให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบ 
• เติมความชุ่มชื้นให้ริมฝีปาก หลังจากการอักเสบบริเวณริมฝีปากดีขึ้นแล้ว ควรบำรุงริมฝีปากให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอด้วยลิปมันที่ปลอดภัย หลีกเลี่ยงการใช้ลิปมันที่เสี่ยงต่อการระคายเคืองและมองหาส่วนผสมที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปาก เช่น เชียบัตเตอร์ น้ำมันมะพร้าว ไขผึ้งบริสุทธิ์ เป็นต้น ที่สำคัญคือห้ามแกะหรือเลียริมฝีปากเพราะจะทำให้ปากแห้ง
• งดการสครับปาก ในช่วงการรักษาอาการแพ้ลิปสติกไม่ควรทำการสครับริมฝีปากโดยเด็ดขาดเพราะจะยิ่งทำให้ริมฝีปากระคายเคืองได้ง่ายขึ้น