SKINCARE

Acid 101 กรดแต่ละชนิดมีประสิทธิภาพในการบำรุงผิวอย่างไร?

มาเลือกกรด (ส่วนผสมในสกินแคร์) ให้ตอบโจทย์กับการบำรุงผิวกัน

Photo: Courtesy of brand

"กรด" เป็นส่วนประกอบที่ได้จากทั้งธรรมชาติและสกัดจากสารเคมี เป็นส่วนผสมที่จะต้องมีในสกินแคร์ เพราะส่งผลตรงต่อการบำรุงผิวในแต่ละปัญหาผิว ทั้งเรื่องความชุ่มชื่น ริ้วรอย สิว ความกระจ่างใส วันนี้โว้กบิวตี้พามาทำความรู้จักกับกรดในสกินแคร์แต่ละชนิดว่ามีหน้าที่แตกต่างกันอย่างไร แล้วเหมาะกับผิวสภาพไหนบ้าง

 

Hyaluronic Acid (HA)

หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ "ไฮยาลูรอน" เป็นโมเลกุลน้ำตาลที่มีอยู่ในร่างกายและสามารถสร้างขึ้นเองได้ตามธรรมชาติ ซึ่งมีหน้าที่หลักคือการเก็บน้ำให้แก่ผิวคล้ายกับฟองน้ำที่สามารถดูดซับน้ำได้มาก สามารถเติมและเก็บความชุ่มชื่นให้แก่ผิวได้ทันที เมื่อผิวมีความชุ่มชื่นที่เพียงพอ ผิวหน้าก็จะดูอ่อนเยาว์ เนียนเรียบขึ้น ริ้วรอยลดลง นุ่มนวล และดูมีชีวิตชีวา

เหมาะสำหรับผิว: ผิวแห้ง / ผิวขาดน้ำ / ผิวมีริ้วรอย

1 / 3

Vital Hydra Solution Biome Water Cream จาก Dr.Jart+ (ราคา 1,350 บาท)

2 / 3

Water Drench Hyaluronic Cloud Cream Serum จาก Peter Thomas Roth (ราคา 2,500 บาท)

3 / 3

Original Skin Matte Moisture Perfector with Willowherb จาก Origins (ราคา 1,700 บาท)

Beta Hydroxy Acid (BHA)

เป็นกรดที่เกิดจากการสังเคราะห์ ช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายไปแล้ว ให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น ช่วยปลอบประโลมผิวจากการระคายเคืองผิว ลดการอักเสบของสิว ลดเลือนริ้วรอยและจุดด่างดำ ซึมลงเข้าไปในรูขุมขนแต่ไม่ทำให้เกิดการอุดตัน

  • Salicylic Acid

สามารถสร้างได้จากพืช (เปลือกของต้น Willow) และการสังเคราะห์ทางเคมี กรดชนิดนี้จะช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวเก่าบนผิวชั้นนอก ทำความสะอาดรูขุมขนและช่วยสลายสิวหัวขาวและสิวหัวดำได้ และเป็นกรดที่ไม่มีผลต่อการผลิตซีบัมหรือเชื้อ P.acnes (เชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว) รวมถึงสามารถลอกผิวหนังชั้นนอกสุด ช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดความหมองคล้ำ ฝ้า กระ ซึ่งมีหลายรูปแบบทั้งสครับ, เฟซออยล์, เซรั่ม, มอยส์เจอไรเซอร์, และ ยาแต้มสิว แต่อาจจะมีผลข้างเคียงคือทำให้ผิวไวต่อแสงแดด แพ้ง่าย และเกิดอาการระคายเคืองได้ จึงควรทาครีมกันแดดเป็นประจำด้วย (ในกรณีที่จะต้องออกไปเผชิญแดด)

เหมาะสำหรับผิว: ผิวบอบบาง / ผิวมัน / ผิวหมองคล้ำ / ผิวเป็นสิว



WATCH



1 / 3

U.F.O. Ultra-Clarifying Face Oil จาก Sunday Riley (ราคา 2,760 บาท)

2 / 3

Drying Lotion จาก Mario Badescu (ราคา 800 บาท)

3 / 3

Clear Days Ahead Oil-free Salicylic Acid Acne Treatment & Moisturizer จาก Philosophy (ราคา 1,250 บาท)

Alpha Hydroxy Acid (AHA)

เป็นกรดที่ได้จากนมและน้ำตาลจากผลไม้ มีคุณสมบัติในการช่วยผลัดเซลล์ผิว กำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วบนผิวหนังชั้นบน เสริมความแข็งแรงและความยืดหยุ่นให้เซลล์ผิวชั้นล่าง ลดเลือนริ้วรอย พร้อมกับให้ความชุ่มชื่นไปในตัวด้วย ซึ่ง AHA ยังมีส่วนผสมอื่นที่เป็นซับเซตย่อยลงไปอีก ตามไปทำความรู้จักกัน

  • Glycolic Acid

กรดไกลโคลิกโดยที่ต้นตอดั้งเดิมมาจากอ้อย มีคุณสมบัติในการช่วยผลัดเซลล์ผิวเช่นกัน เสริมสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว และช่วยเรื่องการปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ เช่น ฝ้า กระ จุดด่างดำบนใบหน้า

  • Lactic Acid

กรดแลคติก สามารถสร้างได้จากแบคทีเรียในกระบวนการหมักที่เกิดจากนมและผลไม้ จึงช่วยในการผลัดเซลล์ผิวเก่าออก เผยผิวกระจ่างใสที่ดูเรียบเนียนมากขึ้น เป็นสารที่อ่อนโยนที่สุดในบรรดาตระกูล AHA มักใช้เป็นส่วนผสมในเซรั่ม ครีมทาผิว และมาสก์แบบลอกออก

  • Citric Acid

กรดซิตริกหรือกรดมะนาว สามารถเกิดได้จากการสกัดจากผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น มะนาว สัปปะรด ส้มโอ และกระบวนการหมักแป้งและน้ำตาลผ่านวิถีไกลโคไลซีส มีส่วนช่วยในการลอกผิวหนังที่มีความหมองคล้ำ หรือรอยดำรอยแดงจากสิว ทำให้รอยดูจางลง

  • Mandelic Acid

กรดแมนเดลิกได้มาจากอัลมอนด์ ช่วยกู้ผิวที่เสียจากการโดนแสงแดด ผิวไหม้ สีผิวไม่สม่ำเสมอและรักษาอาการอักเสบของสิวหัวหนอง, สิวเสี้ยน และสิวผด เพราะลดแบคทีเรียในรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิวนั่นเอง

  • Tartaric Acid

กรดทาร์ทาริกได้จากผลไม้บางชนิด เช่น มะขาม องุ่น และเป็นกรดที่พบในไวน์ ช่วยในเรื่องของความกระจ่างใสของผิว และมีสารต้นอนุมูลอิสระที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า

  • Malic Acid

กรดมาร์ลิกพบมากในแอปเปิ้ลหรือการหมักแอปเปิ้ล จึงเรียกอีกชื่อว่า "กรดแอปเปิ้ล" ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ ทำให้ผิวสดใส ช่วยรักษาสิวเสี้ยน รอยฝ้า กระดูจางลง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับสภาพผิวให้เนียนนุ่ม ขาวกระจ่างใส

เหมาะสำหรับผิว: ผิวบอบบาง / ผิวแพ้ง่าย / ผิวหมองคล้ำ

1 / 5

Lactic Acid Face Serum จาก The Inkey List (ราคา 730 บาท)

2 / 5

Balancing Moisturiser & Gentle Exfoliant จาก Alpha-H (ราคา 1,580 บาท)

3 / 5

Peel & Polish จาก PIXI (ราคา 960 บาท)

4 / 5

T.L.C. Framboos Glycolic Night Serum จาก Drunk Elephant (ราคา 3,150 บาท)

5 / 5

Radiance Renewal Peel จาก INDIE LEE (ราคา 3,180 บาท)

L-Ascorbic Acid

กรดวิตามิน C พบมาได้ในผักและผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ตระกูลส้ม เป็นหนึ่งในวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย เนื่องจากมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิต้านทาน ต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนและซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสื่อมสภาพให้สมบูรณ์ ทั้งยังช่วยบำรุงผิวพรรณให้ดูเนียนใส ลดปัญหาจุดด่างดำ ฝ้า กระ หรือผิวหมองคล้ำที่เกิดจากการทำร้ายของแสงแดด

เหมาะสำหรับผิว: ผิวมีริ้วรอย / ผิวหมองคล้ำ

1 / 2

Vitamin Nectar Vibrancy-Boosting Face Mask จาก Fresh (ราคา 2,450 บาท)

2 / 2

Clinique Fresh Pressed Daily Booster with Pure Vitamin C 10% จาก Clinique (ราคา 3,600 บาท)

Retinoic Acid

กรดวิตามิน A ถูกนำมาใช้ในยารักษาสิว ลดความมันบนใบหน้า กระชับรูขุมขนให้เล็กลง พร้อมลดริ้วรอยและจุดด่างดำบนใบหน้า มักจะมาในรูปแบบของมอยส์เจอไรเซอร์, เซรั่ม และอายครีม สามารถใช้ร่วมกับกรด AHA หรือ BHA ได้ เพราะทำหน้าที่คนละส่วนกัน แต่แนะนำว่าถ้าใช้ในตอนเช้า อย่าลืมทาครีมกันแดดตาม เพราะกรดชนิดนี้จะทำให้ผิวเราไวต่อแสงมากขึ้น

เหมาะสำหรับผิว: ผิวมีริ้วรอย / ผิวหมองคล้ำ / ผิวเป็นสิว

1 / 2

Ferulic + Retinol Eye Cream จาก Dr.Dennis Gross (ราคา 3,405 บาท)

2 / 2

Vitamin A Serum จาก Skin Inc (ราคา 1,200 บาท)

Azelaic Acid

กรดที่ใช้สำหรับรักษาสิวโดยเฉพาะ ช่วยลดปัญหาสิวอักเสบ สิวอุดตัน และปัญหารอยดำแดงหลังจากสิวหาย แต่ข้อควรระวังของกรดชนิดนี้คือมีความเป็นกรดสูง จึงควรเลือกใช้แต่พอประมาณหรือเช็คสภาพผิวของตัวเองก่อน และอาจมีอาการข้างเคียงหลังใช้คือ ผิวแห้ง มีขุย คันบริเวณที่ทายา ปวดแสบปวดร้อนเล็กน้อย

เหมาะสำหรับผิว: ผิวเป็นสิว / ผิวหมองคล้ำ

1 / 2

Azelaic Acid Suspension 10% จาก The Ordinary (ราคา 400 บาท)

2 / 2

10% Azelaic Acid Booster จาก Paula's Choice (ราคา 1,200 บาท)

WATCH

คีย์เวิร์ด: acid skincare