FASHION

ย้อนคดีสะเทือนขวัญกับเหตุการณ์ฆาตกรรมโหดทายาท Gucci ที่มีภรรยาเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง

เนื้อหาสำคัญ

  • Maurizio Gucci ทายาทคนสำคัญผู้ใช้ชีวิตหรูหราราวกับความฝันแต่กลับต้องมาจบชีวิตด้วยฝีมือภรรยาตัวเอง
  • Patrizia Reggiana Martinelli อดีตภรรยาผู้เจ็บปวดจากการกระทำของสามี เธอพร้อมและกล่าวด้วยความสัตย์จริงว่าเธอตั้งใจ
  • ความเลวร้ายในช่วงเวลานั้นของ Gucci เรียกได้ว่าแทบจะเป็นหายนะ อย่างน้อยก็ในเชิงภาพลักษณ์ของแบรนด์
  • ทายาทแบรนด์ดังต้องจบชีวิตจากฝีมือคนรักของเขาเองกำลังมีนัยยะสำคัญสะท้อนสังคมอย่างไรบ้าง

____________________________________________________

 

     จากข่าวใหญ่ในแวดวงบันเทิงอย่างการที่ Lady Gaga จะเข้ามารับบทบาทสำคัญในภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องจริงเกี่ยวกับการสังหารทายาทของแบรนด์ยักษ์ใหญ่ตำนานกว่าร้อยปี การเสียชีวิตของ Maurizio Gucci หลานชายของ Guccio Gucci ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Gucci กลายเป็นข่าวใหญ่มากในปี 1995 และนั่นทำให้ชื่อของ Patrizia Reggiani Martinelli ถูกพูดถึงมากกว่าตอนแต่งงานเสียอีก วันนี้เราจะย้อนกลับไปดูว่าความหม่นมืดแห่งโลกแฟชั่นไม่กี่ปีก่อนจะเข้ายุคมิลเลเนียลนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร ให้บทความของเราชิ้นนี้เป็นการเตรียมก่อนเฝ้ารอภาพยนตร์ย้อนประวัติศาสตร์ความสูญเสียของ Ridley Scott

Patrizia Reggiani Martinelli อดีตภรรยาของทายาทแบรนด์ Gucci / ภาพ: EPS

     เปิดประเด็นกันมาอย่างครุกรุ่นด้วยแง่มุมความโหดร้ายของชีวิตจริงละครนำไปอิง เรื่องนี้เคยถูกสร้างเป็นซีรี่ส์มาแล้วครั้งหนึ่งแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก แต่ความเข้มข้นด้านข้อมูลที่มากขึ้น วิธีการศึกษาทางอาชญวิทยา และเวลาทำการบ้านที่มากขึ้น นั่นทำให้ภาพยนตร์น่าจะยิ่งเพิ่มความน่าสนใจ วกกลับมาสู่เรื่องราวในอดีต หลายคนอาจตั้งคำถามว่าแพทริเซียคนนี้คือใคร ตอบอย่างง่ายคืออดีตภรรยาของเมาริซิโอ แต่จะให้ตอบอย่างละเอียดเราต้องนั่งไทม์แมชชีนกลับไปประมาณต้นยุค ‘70s ที่หญิงสาวรวยเสน่ห์ได้มัดใจชายหนุ่มผู้เป็นหลานชายของแฟชั่นเฮาส์ชื่อดังได้สำเร็จและนั่นก็คือต้นเรื่องที่เราจะหวนนึกถึงวันนี้

Maurizio Gucci หลานชายของ Guccio Gucci ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Gucci / ภาพ: AP

     ปี 1972 มีรายงานว่าทั้งคู่ตกลงแต่งงาน ปี 1973 พวกเขาแต่งงานกันและกลายเป็นคู่รักทรงอิทธิพลในโลกแฟชั่นอีกคู่เลยทีเดียว ด้วยความสวยมีสไตล์ อยู่ในชนชั้นสูง(ภาพลักษณ์ใหม่ที่สร้างขึ้นของแพทริเซีย) แถมยังฉลาดเฉลียวของแพทริเซีย ประกอบกับสถานะการเป็นหัวหน้าใหญ่ของกุชชี่ของเมาริซิโอ ความยิ่งใหญ่แห่งบ้านกุชชี่กำลังเริ่มขยายขึ้นเรื่อยๆ การแต่งงานครั้งนี้ทำให้แบรนด์ขยายฐานความมั่นคงได้กว้างขึ้น จะมีอะไรดีไปกว่าการที่คนๆ หนึ่งยอมรับทั้งตัวตนของทั้งคู่และแบรนด์ในเวลาเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มาจากสังคมชนชั้นสูง และการยอมรับนี้ยืนยันพวกเขาพร้อมสนับสนุนทั้งคู่รักและกุชชี่ที่กำลังเดินหน้าไปได้สวย



WATCH




บรรยากาศในบ้านสุดหรูของ Patrizia และ Maurizio / ภาพ: welt.de

     ชีวิตของพวกเขาอู้ฟู่หรูหราราวกับความฝันของใครหลายคน บ้านพักตากอากาศในหลากหลายเมือง รวมถึงสกีชาเลต์ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เครื่องบินเจ็ตส่วนตัวและเรือยอร์ชสุดหรู แต่ทว่าชีวิตคนเราไม่ได้สวยงามขนาดนั้น จากไลฟ์สไตล์สุดหรูที่มีพ่อคอยโอบอุ้มอยู่ห่างๆ ปี 1983 เรื่องน่าเศร้าก็เกิดขึ้นกับเมาริซิโอ...พ่อของเขาเสียชีวิต และนั่นเป็นต้นเหตุความมืดมิด ซึ่งมันค่อยๆ คืบคลานมาสู่ครอบครัวของแพทริเซีย และส่งผลต่อวงศาญาติในตระกูลกุชชี่

Investcorp บริษัทลงทุนผู้มีส่วนพัวพันกับผลประโยชน์แบรนด์ Gucci ในช่วงนั้น / ภาพ: The National

     เมาริซิโอได้รับมรดกเป็นหุ้นกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ในบริษัทและขึ้นแท่นหัวเรือใหญ่คอยควบคุมแบรนด์ระดับตำนานนี้ แต่โลกของกุชชี่ไม่ได้สวยงามดั่งเช่นก่อนหน้า การรับหน้าที่บริหารไม่ได้ง่ายเหมือนการใช้เงินโปรยเล่นเป็นสายฝน เขาอยากจะสร้างความยิ่งใหญ่ในแบบฉบับของตัวเอง แต่กลับมองกระแสโลกไม่ถี่ถ้วน และแล้วเขาก็ค่อยๆ โดนแทรกแซงโดย Investcorp บริษัทลงทุนชื่อดัง พวกเขาช่วยเมาริซิโอซื้อหุ้นส่วนที่เหลือจากตระกูลกุชชี่คนอื่น และแล้วปัญหาความขัดแย้งในแนวทางการบริหารแบรนด์ครอบครัวก็หมดไป เพราะเขาครอบครองมันไว้โดยมีบริษัทเงินทุนหนุนหลัง

ความสวีตหวานของทั้งคู่ที่เริ่มจางหายลงไปทุกที / ภาพ: irenebrination

     ความบาดหมางไม่ได้เกิดแค่กับญาติ มีข่าวว่าในปี 1985 เขาต้องไปทริปเจรจาธุรกิจ แต่เขากลับไปหาหญิงสาวคนหนึ่ง แน่นอนว่าทายาทหนุ่มแห่งกุชชี่ไม่กลับบ้าน และนี่จะกำลังจะทำให้เขาเสียทุกอย่างไป ความเสเพลเริ่มทำร้ายตัวเขาเอง ธุรกิจก็เอาไม่รอด ทายาทคนเดียวในบอร์ดกุชชี่ถูกบีบบังคับให้ขายหุ้นทั้งหมดให้กับบริษัทหนุนหลัง นั่นแปลว่ากุชชี่จะไม่ใช่ธุรกิจของครอบครัวในแบบที่สืบสายกันมาอีกต่อไป เรื่องแพทริเซียเองก็ยิ่งขุ่นมัวไปเรื่อยๆ จากทั้งเรื่องผู้หญิงและธุรกิจที่เขาค่อยๆ ทำพังลงพร้อมๆ กัน

บรรยากาศความชื่นมื่นในวันแต่งงานของคนหัวดื้ออย่าง Maurizio Gucci 

     “ดื้อและหัวรั้น” คำนิยามของเมาริซิโอ แพทริเซียระบุว่า “ฉันโมโหเมาริซิโอหลายครั้งมาก แต่จากทั้งหมดทั้งมวลการเสียธุรกิจครอบครัวเป็นเรื่องที่โง่มาก และมันคือความล้มเหลว” หลังจากมีปัญหากันมาอยู่พักใหญ่ คู่รักทรงอิทธิพลก็หย่าร้างอย่างเป็นทางการ เมาริซิโอต้องจ่ายค่าชดเชยรายปีให้กับแพทริเซียปีละกว่าหลายแสนเหรียญสหรัฐฯ และความมืดมนโหดร้ายก็เข้าใกล้ชายหนุ่มผู้เริ่มเสียทุกอย่างในเวลาไม่กี่ปี และอีกไม่นานเขากำลังจะเสียสิ่งที่กู้คืนกลับมาไม่ได้...

ศพของ Maurizio Gucci ขณะถูกขนย้ายออกจากหน้าออฟฟิศ Gucci / ภาพ: LAPRESSE/OLYCOM

     เช้าวันที่ 27 มีนาคมปี 1995 เวลาประมาณ 8 โมงครึ่ง Giuseppe Onorato เตรียมพร้อมต้อนรับเจ้านายเข้าออฟฟิศตามปกติ แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นมือข้างหนึ่งของชายปริศนายกปืนขึ้นและลั่นรัวไปบริเวณหลังของเมาริซิโอถึง 3 นัด เช้าอันสวยงาม มือถือนิตยสาร แต่ร่างเขากลับล้มลงกับพื้น ตอนนั้นเขาคิดว่าเป็นเหตุการณ์ล้อเล่น หลังจากนั้นกระสุนนัดที่ 4 ตามมาติดๆ เจาะเข้าที่บริเวณศีรษะ ตอนนี้จูเซปเป้แทบจะรู้ทันทีว่าเจ้านายสิ้นลมหายใจ แต่เท่านั้นยังไม่พอ “ฆาตกรสบตาผม และลั่นไกใส่ร่างนายใหญ่ของกุชชี่อีก 2 นัด” จูเซปเป้กล่าว กระสุน 6 นัดปลิดชีพชายวัยกลางคนชนิดไม่มีโอกาสลุ้นรอด ลูกน้องคนรักหน้าออฟฟิศทำได้เพียงโอบอุ้มศีรษะที่นองไปด้วยเลือดของเขาเอาไว้ เหตุการณ์นี้ทำให้ชายหนุ่มเฝ้าหน้าประตูเป็นโรคตื่นกลัวเมื่อเห็นคนแปลกหน้าท่าทางมีพิรุธตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

Paola Franchi อีกหนึ่งจำเลยสังคมในคดีอุกฉกรรจ์คดีนี้ / ภาพ: Uli Weber/The Observer

     ผู้ต้องสงสัยรายสำคัญคงหนีไม่พ้นแพทริเซียผู้โกรธแค้น และผู้ต้องสงสัยกลายเป็นผู้ต้องหาในเวลาไม่นาน วันที่ 31 มกราคม 1997 เธอถูกจับ และปี 1998 เธอโดนพิพากษาลงโทษจำคุก 29 ปีจากข้อหาจ้างวานฆ่า ส่วนมือปืนได้นอนเรือนจำไปทั้งชีวิต เหตุการณ์นี้ทำลายทุกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด เมาริซิโอเสียชีวิต แพทริเซียติดคุก มือปืนหมดความอิสระในชีวิต จูเซปเป้ถึงขั้นเป็นโรคตื่นตระหนก และที่ได้รับผลกระทบหนักไม่แพ้กันเห็นจะเป็น Paola Franchi หญิงสาวผู้ใช้ชีวิตกับเมาริซิโอในช่วงสุดท้ายของชีวิต เธอโดนกล่าวหาว่าคือต้นเหตุ โดนหยามเหยียดว่าเป็นพวกจับคนรวย และเธอปฏิเสธด้วยเพียงประโยคว่า “สามีเก่าคนที่ฉันจากมาเพื่อเมาริซิโอ เขารวยกว่านี้เสียอีก”

ฆาตกร (ซ้าย) ถูกคุมขังในบริเวณที่ฝากขังระหว่างถูกสอบสวน / ภาพ: Luca Bruno/AP

     เรื่องมันไม่ได้จบง่ายขนาดนั้น เรื่องราวในอดีตถูกขุดคุ้ยอย่างดุเดือด เพาล่าต้องการให้เขาจ้างบอดี้การ์ดเพราะสงสัยเรื่องการสะกดรอยตามของแพทริเซีย แต่เขาก็ปฏิเสธ นอกจากนี้เธอยังโดนข่มขู่ให้ออกจากอพาร์ตเมนต์ที่อยู่ร่วมกับเมาริซิโอ และความกดดันอีกต่างๆ นานา ในวันที่เขาเสียชีวิตเธอกล่าวว่า “ฉันรู้สึกว่าไม่ปลอดภัยและจะไม่มีการปกป้องจากกฎหมาย” ความโหดร้ายกัดกินทุกคนอย่างหนักหน่วง ไม่มีใครได้ประโยชน์จากเรื่องนี้เลยแม้แต่นิด

เธอกล่าวว่าเธอแข็งแกร่งมากในการใช้ชีวิตในช่วงที่ผ่านมา / ภาพ: EPA

     ทั้งหมดมันเริ่มจากความ “ดื้อและหัวรั้น” ของเมาริซิโอเอง ชายหนุ่มผู้เคยเสวยสุขทำทุกอย่างพังลงด้วยมือตัวเองและแรงผลักดันจากความขัดแย้งระหว่างแพทริเซีย เขากลายเป็นคนไม่สนใจใคร และสุดท้ายโชคชะตาก็ไม่สนชีวิตเขาเช่นกัน การหักหลัง ความกดดัน และเหตุผลต่างๆ ในแง่มุมของโลกแฟชั่นสั่งสมไฟเพลิงในจิตใจแพทริเซียขึ้นเรื่อยๆ วันหนึ่งมันลุกโชนขึ้นแบบไม่มีใครห้ามได้ แม้ว่าเธอจะถูกจำคุกเพียง 18 ปี (ถูกปล่อยตัวในปี 2016) เธอก็ยังกล้าออกมาพูดอย่างสัตย์จริงเพื่อตอบคำถามว่าทำไมไม่ยิงอดีตสามีด้วยตัวเอง “ฉันสายตาไม่ค่อยดี ฉันไม่อยากพลาด” เธอมั่นใจว่าสิ่งที่เธอตัดสินนั้นถูกต้องและเธอก็ไม่ได้อยากให้โอกาสแบบที่หลายคนสงสารเมาริซิโอ ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้สึกผิดแต่ช่วงเวลานั้นคือความเข้าใจผิด เหตุจากความว้าวุ่นทางจิตใจ เธออยากจะบอกหากมีโอกาสพบเมาริซิโออีกครั้งว่า “ให้อภัยฉันเถอะ”

ความสวยงามของ Patrizia Reggina ที่ภายหลังโดนครอบไว้ด้วยความขุ่นมัวในชีวิิต / ภาพ: REX

     เรื่องนี้คือความสะเทือนขวัญในเชิงปัญหาทางด้านการจัดการชีวิตในครอบครัว บางครั้งมุมมองความดื้อรันอาจถูกตีค่าเป็นความเมินเฉยที่เจ็บปวด บางครั้งการมีหัวใจดวงอื่นเป็นหอกแหลมแทงใจคนรักผู้คอยเคียงข้าง บางครั้งการรักษาความยอดเยี่ยมของตำนานของกุชชี่อาจจะเป็นสิ่งที่ดีกว่านี้ถ้าเขาทำมันสำเร็จ ใช่เมาริซิโอเคยเป็นชายหนุ่มอิตาเลียนแสนเพอร์เฟกต์และเขาก็ดิ่งลงเรื่อยๆ เขาเริ่มผิดพลาดในชีวิตในแบบที่กล่าวไปทั้งหมด แพทริเซียเองก็มีผลอย่างมากที่ทำให้เหตุการณ์ทั้งหมดมันบานปลาย แต่ไม่มีใครมีสิทธิ์จะพรากชีวิตคนอื่นไปแบบนี้ คนเลวไม่จำเป็นต้องถูกลงโทษด้วยวิธีเลวๆ “ใช่สิคุณไม่ได้อยู่ตรงนั้น” วลีสำคัญของการผลิตซ้ำความรุนแรง ใช่! เราอาจจะไม่ได้อยู่ตรงนั้น ณ เวลานั้น แต่ครั้งหนึ่งสมองเราพร่ำบอกเสมอว่าการกระทำเช่นนั้นผิดมาตลอด อย่าให้ความเจ็บแค้นคอยจับแขนเราลงมือทำ บางครั้งคนเราพร้อมจะรักษาความถูกต้องโดยใช้ศาลเตี้ยภายในจิตใจตัดสินจนอาจละเลยมนุษยธรรมไป

บทเรียนสำคัญกับโมเมนต์ Patrizia Reggiana ถูกจับกุมขึ้นศาล / ภาพ: REX

     ความโหดร้ายของคดีนี้ไม่ใช่เพียงการลั่นไกสุดเหี้ยม พฤติกรรมผิดบรรทัดฐานสังคมของเมาริซิโอ หรืออารมณ์ความเก็บกดของแพทริเซีย แต่คือการตีตราของสังคมที่ทำให้สถานะของทุกคนในเรื่องนี้ถูกตราหน้าไว้อย่างชัดเจน “ผู้ชายเฮงซวย” หรือว่าจะ “เมียโหดยิงผัว” หรือแม้แต่ “มือที่ 3 จับผู้ชายรวย” ถ้าเป็นยุคนี้ทุกคนคงวิพากษ์วิจารณ์สาดเสียเทเสียกันผ่านโซเชียลมีเดีย ในยุคก่อนเป็นการตราหน้าลงสื่อช่องทางต่างๆ และมันยากเหลือเกินที่จะพ้นมลทินนั้น แทบไม่มีโอกาสแก้ตัว แน่นอนว่าจำนวนครั้งมันช่างน้อยนิดเมื่อเทียบกับข้อความนับไม่ถ้วนบนโลกอินเทอร์เน็ตยุคปัจจุบัน แต่บอกเลยว่ามันฝังคนทั้งเป็น มากไปกว่านั้นมันฝังความย่ำแย่ลงไปในสมองคนจนพร้อมฝังคนอื่นทั้งตาย(ฆ่า)แบบที่การตีตราความย่ำแย่ของเมาริซิโออยู่ในหัวแพทริเซียและเธอตัดสินใจพรากชีวิตเขาไปตลอดกาล...

 

*บทความนี้เขียนเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2562

WATCH

คีย์เวิร์ด: #Gucci